ระบบโทรศัพท์ในปีหน้านี้ เป็นที่คาดการณ์กันว่ามีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปใช้ระบบโทรศัพท์บน Cloud สำหรับองค์กรมากขึ้น รวมไปถึงขนาดของธุรกิจที่จะถูกปรับให้มีขนาดเล็กลง องค์กรจะหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ ลดการใช้ทรัพยากรมนุษย์ลง นิยมจ้างฟรีแลนซ์มากขึ้น
ปัจจุบัน ชาวอเมริกันเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมากกว่า 30 ล้านบริษัท ซึ่งสิ่งที่จะทำให้บริษัทเหล่านี้ได้เปรียบเหนือคู่แข่งก็คือ การวางแผนรับมือกับเทรนด์ของเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะในเรื่องระบบโทรศัพท์บน Cloud ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปีหน้า
และต่อไปนี้คือ 7 สิ่งที่เราเชื่อว่าจำเป็นต่อธุรกิจขนาดเล็กในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กอย่างแน่นอน
- ทำงานจากที่บ้าน
คาดการณ์ไว้ว่าเทรนด์การทำงานที่บ้านจะเป็นที่นิยมและกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะการทำงานแบบ Remote Working ซึ่งก็คือการที่คนทำงานร่วมกัน แต่ไม่จำเป็นต้องมาเจอกันในออฟฟิศ มีผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า พนักงานที่ทำงานอยู่กับบ้านจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า เพราะมีสิ่งเร้ารบกวนน้อยกว่า ประหยัดเวลาในการเดินทางและการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Remote Working จะมีข้อดีสำหรับเจ้าของธุรกิจ แต่สำหรับธรรมชาติของบางธุรกิจ อาจต้องการคนทำงานร่วมกันแบบเห็นหน้าค่าตามากกว่า เพราะจับต้องได้ มีปฏิสัมพันธ์โดยตรง และมีความรวดเร็วในการตอบโต้ได้มากกว่า
- โซเชียลมีเดียคือเครื่องมือการตลาด
ธุรกิจขนาดเล็กในยุคนี้ เกือบทุกที่ใช้เทคโนโลยีอย่างโซเชียลมีเดียทำการตลาด เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์และสร้างยอดขายผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Twitter, Linkedln, Instragram และ Facebook เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจะเริ่มตระหนักถึงพลังของโซเชียลมีเดีย ยิ่งเมื่อเทียบกับค่าโฆษณาในการโปรโมทผ่านสื่อออฟไลน์เหมือนยุคก่อน ถือว่าการใช้สื่อใหม่มีราคาประหยัดกว่า เห็นผลไวกว่า แต่หากคุณไม่ถนัดการใช้สื่อใหม่ อาจเลือกใช้บริการจากบริษัทเอเจนซี่หรือ Influencer เพื่อช่วยกระตุ้นยอด Engagement หรือคิดแคมเปญทางการตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
- ระบบซอฟต์แวร์อัตโนมัติมีความจำเป็น
แม้ว่าครั้งหนึ่ง AI (เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์) และสิ่งที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ จะถูกคอมเม้นท์ว่าไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก แต่ทุกวันนี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วิวัฒนาการของ AI ทำให้มันใช้งานได้ดีและเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโตก้าวหน้า เช่น การนำเอาระบบ AI Software (ซอฟต์แวร์ที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการทำงาน) มาใช้ทำการตลาดผ่าน Email, การให้บริการลูกค้า, การป้อนข้อมูล และการทำบัญชี ซึ่งปัจจุบัน นิยมเอาซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยในองค์กร เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างคล่องตัว รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
- คนนิยมเป็นฟรีแลนซ์มากขึ้น
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นอกจากจะช่วยให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างง่ายดายสำหรับคนนับล้านบนโลกใบนี้ ยังช่วยให้ผู้ที่มีอาชีพฟรีแลนซ์หรือทำธุรกิจอิสระ สามารถสร้างรายได้จากความรู้ความชำนาญที่มี หรือสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นงานอดิเรก นำออกมาขายตัวคุณได้เอง ตัวอย่างเช่น ปัจจุบัน คุณสามารถเข้าไปฝากงานหรือหาเงินจากช่องทางการตลาดสำหรับ Freelancer อาทิ Upwork ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ Freelancer และผู้ประกอบการได้มาเจอกันและทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะมีทักษะด้านกราฟิกดีไซร์ เป็นนักเขียน เว็บมาสเตอร์ เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด หรือมีความเชี่ยวชาญด้านภาษา คุณก็สามารถหางานและเงินได้ไม่ยากจากแพลตฟอร์มเหล่านี้
- โทรศัพท์สำนักงาน ระบบ Cloud ได้รับความนิยม
ระบบโทรศัพท์สำนักงานยุคใหม่ในอนาคต จะมีการใช้ระบบโทรศัพท์บน Cloud มากขึ้น เนื่องจากมีข้อดีตรงที่ ไม่ต้องเดินสายสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ต้องติดตั้งเสา ไม่ต้องติดตั้งระบบหรือตั้งค่าใดๆ ให้ยุ่งยาก แต่เป็นระบบการสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ต แต่เป็นเบอร์ 02 ข้อดีคือ ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียค่าซ่อมแซมหรือบำรุงอุปกรณ์ใดๆ ไม่ต้องยุ่งยากเมื่อต้องย้ายออฟฟิศ แต่สามารถใช้เบอร์ 02 เดิมได้ตลอดไป นอกจากนี้ ระบบโทรศัพท์บน Cloud ยังครอบคลุมถึงการให้บริการแบบ Call Center มีระบบการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าได้อีกด้วย อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติเด่นของระบบโทรศัพท์บน Cloud
- ระบบบริการลูกค้าช่วยเพิ่มลูกค้ารายใหม่
ผู้บริโภคยุคนี้ชื่นชอบการให้บริการลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์แบบเรียลไทม์หรือระบบ Call Center เพราะพวกเขาต้องการผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยจัดการและไขข้อสงสัยให้กับเขาได้ ตลอดจนคนที่สามารถรับฟังปัญหาในการใช้งานและการโต้ตอบแบบฉับพลัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมธุรกิจด้านบริการส่วนใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีระบบ Call Center ที่เป็น ‘คน’ คอยรับโทรศัพท์ นอกเหนือไปจากระบบตอบกลับอัตโนมัติ เพราะเสียงของ ‘คน’ ย่อมสร้างความประทับใจได้มากกว่า
- มีการลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ
ธุรกิจขนาดเล็กจำเป็นต้องมีการลงทุนและปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้ทันสมัยตามยุคมากขึ้น ซึ่ง 2 เทคโนโลยีที่เราอยากแนะนำให้ปรับปรุงคือ เทคโนโลยี Cloud Computer (ในอนาคต ธุรกิจจะถูกเชื่อมต่อกับระบบ Cloud อ่านเพิ่มเติม ข้อดีของระบบ Cloud) และเครือข่าย 5G อย่างแรก Cloud Computer คือการให้บริการที่ครอบคลุมถึงระบบการประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆ จากผู้ให้บริการ ข้อดีคือ ช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้ง ดูแลระบบ ประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเอง ปัจจุบันมีทั้งแบบบริการฟรีและแบบเก็บเงิน ในขณะที่ 5G คือเจนเนอเรชั่นใหม่ของ 4G หรือเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่เรากำลังใช้อยู่ในปัจจุบัน ข้อดีของ 5G คือความเร็ว แรง และคมชัด ซึ่งไม่เฉพาะแค่มือถือเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ LoT) อย่างไรก็ตาม ในบ้านเรานั้น น่าจะต้องติดตามกันต่อไปว่าภายในปี 2020 นี้ กสทช. จะมีกำหนดเปิดใช้งาน 5G ได้เมื่อไหร่